การซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้เงินจำนวนมาก น้อยคนนักจะซื้อด้วยเงินสด ส่วนใหญ่ก็จะซื้อโดยอาศัยเงินเก็บส่วนหนึ่งเพื่อมาทำเป็นเงินดาวน์ ส่วนที่เหลือมักขอสินเชื่อแทบทั้งสิ้น แต่ปัญหาสำคัญอีกข้อคือ บางคนไม่เคยขอสินเชื่อมาก่อนเลย จึงไม่เข้าในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่การขอสินเชื่อ หลักฐาน รวมถึงหลักเกณฑ์ของทางธนาคารจะใช้พิจารณาในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นต้น แต่ในวันนี้เราจะมาไขข้องข้องใจเหล่านั้นเองค่ะ
การ กู้เงิน เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
คือการซื้อบ้านพร้อมที่ดิน โดยผู้กู้จะทำการขอกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้อีกในหลายกรณี เช่น ซื้อที่ดินเปล่าเพื่อการปลูกสร้างที่อยู่อาศัย , เพื่อปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองเพื่อต่อเติม หรือซ่อมแซมอาคารของตน เป็นต้น ดังนั้นแล้วสินเชื่อที่อยู่อาศัย ของสถาบันการเงินต่างๆ มักจะครอบคลุมสินเชื่อต่างๆ ตามข้อมูลข้างต้น
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้
สถาบันการเงินบางแห่งกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากัน แต่ทำไมการจ่ายงวดรายเดือนถึงแตกต่างกัน ความจริงก็คือ การกู้ในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ผู้กู้เสียเงินงวดน้อยลง แต่ก็มีความเสี่ยงอันก่อให้เกิดปัญหาได้ คือ ภายหลังกรณีอัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวสูงขึ้น จนทำให้เงินงวดต่อเดือนของผู้กู้ไม่พอชำระในดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เป็นเหตุให้ธนาคารต้องคิดเงินในงวดสูงขึ้น รวมทั้งต้องมีการแจ้งให้ลูกค้ามาชำระเงินมากกว่างวดก่อนๆ โดยบางครั้งถ้าอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นมาก จะทำให้ผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินที่เพิ่มขึ้นได้ จนก่อปัญหาให้ทั้งแก่ผู้กู้รวมทั้งสถาบันการเงินซึ่งต้องมีหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้นตามมา
ระยะไหนควรกู้
ผู้กู้ล้วนตั้งคำถามอยู่เสมอว่า กู้ระยะไหนดีกว่ากัน คำตอบก็คือถ้าผู้กู้มีความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ให้ได้เร็วสุด ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นเนื่องจากจะทำให้ผู้กู้เป็นอิสระเร็วขึ้น แต่ผู้กู้บางคนต้องการวงเงินค่อนข้างสูง แต่ความสามารถในการผ่อนชำระค่อนข้างต่ำ ก็ต้องขยายเวลากู้ออกไปให้นานสุดคือ 25-30 ปี เพื่อทำให้จ่ายเงินงวดลดลงจนถึงจุดสามารถผ่อนชำระได้นั่นเอง
ต่างราคา
ปัจจุบันธนาคาร ต่างคิดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันออกไป และอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ จะมีทั้งแบบ อัตราดอกเบี้ยลอยตัว และแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว คือ อัตราดอกเบี้ยซึ่งทางธนาคารสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสมควร ดูจากสถานการณ์ในระบบการเงิน หรือตามต้นทุนการเงินของธนาคาร
ส่วนอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือ อัตราดอกเบี้ยได้กำหนดเอาไว้แล้ว จะคงอยู่เช่นนั้นตลอดอายุสัญญาเงินกู้ ยกตัวอย่างเช่น กำหนดให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี เป็นเวลา 5 ปี เป็นต้น