คุณรู้ไหมว่าอาชีพสถาปนิกมีความมั่นคงมากว่าหลายพันปี คุณคิดว่าใครเป็นคนสร้างปิรามิดกันล่ะ ก็สถาปินิกของชาวอียิปต์โบราณไง ตราบใดที่สังคมมนุษย์ยังคงเติบโตและขยายอย่างต่อเนื่อง อาชีพสถาปนิกยังคงสำคัญและมีมั่นคงเสมอ พวกเขาเป็นผู้ที่วางแผน ออกแบบ วิเคราะห์โครงสร้างของอาคาร และสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่อย่าง ตึกสำนักงาน สะพานข้ามแม้น้ำ สนามบิน โดยสถาปนิกเหล่านี้มีหน้าที่อีกอย่างคือรับรองว่าอาคารที่พวกเขาจะอนุมัติให้สร้างนั้น จะต้องมีการออกแบบอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด
ก่อนที่จะมีการก่อสร้างใดๆเกิดขึ้น จะต้องมีการส่งแบบไปให้สถาปนิกตรวจสอบก่อน ถ้าเกิดไม่เห็นด้วยตรงไหนก็สามารถที่จะคัดค้านการก่อสร้างด้วยการไม่เซ็นเอกสารได้ ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าพวกเขามีความสำคัญแค่ไหน แต่ถ้าเรามาพูดถึงความมั่นคงของอาชีพนี้ในประเทศไทยล่ะ มันจะมีโอกาสก้าวหน้ามากน้อยแค่ไหนในอาชีพนี้ มันสามารถเติบโตเป็นตำแหน่งใดได้บ้าง วันนี้เราจะพาไปดูความมั่นคงของอาชีพสถาปนิกกัน
การทำงานของสถาปนิกในประเทศไทย
สำหรับเงินเดือนสถาปนิกทั่วไปนั้นจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 25,000 บาท ซึ่งอาจเป็นตัวเลขที่มีความแตกต่างกันออกไปตามบริษัท ซึ่งสามารถเพิ่มเงินได้ขึ้นตามประสบการณ์ในการทำงาน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะได้เงินมหาศาลจากผลตอบแทนจากผู้ประกอบการมากกว่า บันไดขั้นแรกของสายอาชีพนี้อาจเริ่มต้นที่การเป็นผู้ช่วยของสถาปนิก จากนั้นจึงค่อยเติบโตมาเป็นตำแหน่งสถาปนิกเต็มด้วย
ยังมีตำแหน่งสูงกว่าที่รองรับคือ สถาปนิกอาวุโส ที่รับคำสั่งจากผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบอีกทีหนึ่ง ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดในสายงานอย่างที่บอกว่าเงินที่ได้รับขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่มี ถ้าเป็นคนเก่ง มีผลงานดี ผู้จ้างก็พร้อมที่จะมอบเงินก้อนโตให้คุณ หรืออาจจะออกทำงานอิสระ ตั้งทีม หรือ ตั้งบริษัทของตนเองขึ้น จะเห็นว่ามันมีหนทางเสมอสำหรับสายอาชีพนี้ ถ้าเป็นคนเก่งจริงรับรองว่ารวยแน่นอน
ในอนาคตก็ยังมีหนทางดีๆรออยู่เสมอ ทุกวันนี้โลกเรามีวิทยาการใหม่ๆเพิ่มเข้ามา เหล่าวิศวกร และ สถาปนิกต่างได้ประโยชน์จากมัน แต่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ให้เป็นด้วย อย่างเช่นการออกแบบที่สมัยก่อนเรายังต้องเขียนแบบในกระดาษแผ่นใหญ่ๆ ทุกวันนี้เรามีโปรแกรมออกแบบบนคอมพิวเตอร์ แถมสามารถแสดงผลลัทธ์ในรูปแบบสามมิติให้ดูได้อีกด้วย ถือเป็นเครื่องทุ่นแรงที่ประหยัดการทำงานได้หลายเดือน แต่บางคนยังคงเลือกที่จะใช้วิธีแบบคลาสสิคด้วยการเขียนแบบบนกระดาษเช่นเคย ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไร